การบูรณะองค์พระพุทธสิหิงค์ และการจัดสร้างพระรัศมีทองคำถวายพระพุทธสิหิงค์
           มีหลักฐานว่าพระรัศมีปัจจุบันของพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทำขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ เพื่อทดแทนพระรัศมีของเดิมซึ่งถูกโจรกรรมพร้อมกับพระอุณาโลม เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๔๘๗ ขณะประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปประธาน ณ พระอุโบสถวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน ทั้งนี้พระรัศมีของเดิมที่ถูกโจรกรรมไปนั้นหล่อจากทองคำลงรายาชาวดี ใจกลางของเปลวรัศมีประดับเพชร ๑๐ เม็ด
           ภายหลังสงครามมหาเอเชียบูรพาได้ยุติลง คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ให้ตั้งการพระราชพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับมาประดิษฐานสมโภชหน้าพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หลังจากเสร็จพระราชพิธีแล้ว ในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๔๙๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กลับมาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ตามเดิม ครั้งนั้นมีการสร้างพระรัศมีใหม่เป็นการชั่วคราวด้วยยิปซัมปิดทอง ถึง พ.ศ. ๒๔๙๕ จึงดำเนินการหล่อโลหะเงินกะไหล่ทองดังที่ปรากฏในปัจจุบัน
          พุทธศักราช ๒๕๖๘ กรมศิลปากรได้ดำเนินโครงการการอนุรักษ์พระพุทธสิหิงค์ เนื่องด้วยปัจจุบันผิวกะไหล่ทององค์พระพุทธสิหิงค์เกิดความชำรุดหมองคล้ำ มีสนิมคอปเปอร์ซัลเฟต ลักษณะเป็นจุดสีดำนูนขนาดเล็ก กระจายทั่วพื้นผิว ซึ่งนอกจากจะดำเนินการทำความสะอาดและกำจัดสนิมพื้นผิวแล้ว ยังพบหลักฐานว่าพระพุทธสิหิงค์มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบศิลปกรรม จากของแท้ทั้งเดิมหลายประการ นับแต่พระรัศมี ยอดฉัตร ระย้าที่ห้อยระบายฉัตร ในวาระนี้จึงดำเนินการหล่อพระรัศมี ด้วยทองคำประดับเพชรตามหลักฐานเดิม โดยจะได้ดำเนินการบูรณะฉัตรต่อไป

(จำนวนผู้เข้าชม 329 ครั้ง)

black ribbon.