...

เมืองนครราชสีมา 555 ปี มีเรื่องเล่า ตอนที่ 1 "..เรื่องเล่าก่อนมีทางรถไฟในบันทึกฝรั่ง
องค์ความรู้ เรื่อง : เมืองนครราชสีมา 555 ปี มีเรื่องเล่า ตอนที่ 1 "..เรื่องเล่าก่อนมีทางรถไฟในบันทึกฝรั่ง
 
               ชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันตกที่เดินทางเข้ามาในประเทศสยามเมื่อร้อยกว่าปีก่อนมักบันทึกเรื่องราวที่ตนเองเดินทางไปพบเห็นแล้วเอาไปพิมพ์เผยแพร่ในบ้านเกิดของตน ส่วนมากมักจะบันทึกเรื่องราวในกรุงเทพและหัวเมืองใกล้เคียง หรือฟังคำบอกเล่ามาจนบันทึก แต่ก็มีบางคนที่เดินทางมายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะเมืองนครราชสีมา เราจึงได้รับรู้สภาพบ้านเมืองของนครราชสีมาหรือโคราชในช่วงเวลานั้นผ่านบันทึกชาวต่างประเทศเหล่านี้  
 
               ที่น่าสนใจคือบันทึกของนายเฮอร์เบิร์ท วาริงตัน  สมิธ  ที่เขียนขึ้นและนำเสนอให้ราชภูมิศาสตร์สมาคมแห่งสหราชอาณาจักรตีพิมพ์ในปี พ.ศ.2438  ทำให้โลกได้รับรู้ถึงอารยธรรมและอัฉริยภาพของรัชกาลที่ 5 ในการพัฒนาเทคโนโลยีของสยาม  กรมศิลปากรโดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ได้แปลเป็นภาษาไทยในปีพ.ศ.2544 ในชื่อ บันทึกการเดินทางสู่แม่น้ำโขงตอนบน ประเทศสยาม เรียบเรียงจากบันทึกเอกสารภาษาอังกฤษเรื่อง Notes of a Journey on the Upper Mekong,Siam เขียนจากบันทึกการเดินทางของ นาย เฮอร์เบิร์ท วาริงตัน สมิธ นักธรณีวิทยาชาวอังกฤษ  ซึ่งรัฐบาลสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 จ้างมาปฎิบัติราชการสังกัดกรมราชโลหะกิจและภูมิวิทยา(กรมทรัพยากรธรณีในปัจจุบัน)  ภายหลังได้เป็นเจ้ากรมในปี พ.ศ.2438-2439 ได้บันทึกการเดินทางไปสำรวจแร่จากกรุงเทพ ผ่านภาคเหนือไปหลวงพระบาง และใช้เส้นทางขากลับผ่านทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  จากหนองคายมาตามเส้นวางสายโทรเลขผ่านนครราชสีมาไปสระบุรีและกลับกรุงเทพ  การเดินทางขากลับโดยใช้เส้นทางผ่านมาทางนครราชสีมาผ่านดงพระยาเย็นเข้าสู่สระบุรี 
 
                  นายเฮอร์เบิร์ท วาริงตัน สมิธ ได้บรรยายายการเดินทางที่ลำบากยากเข็ญจนมาถึงนครราชสีมาในช่วงเวลานั้น   คือในราวเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2436 ก่อนที่จะมีเส้นทางรถไฟมาถึง (รถไฟมาถึงในปีพ.ศ.2443)  ได้เขียนบันทึกสภาพเมืองนครราชสีมาในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมทำแผนที่การเดินทางและวาดลายเส้นประกอบไว้หลายเรื่องเช่น ข้าหลวงประจำเมืองคือพระยาประสิทธิ์ศัลยการ  ข้าหลวงเทศาภิบาล สำเร็จราชการมณฑลนครราชสีมา ที่ท่านเรียกว่า PHra Prasadit ว่าเป็นผู้ที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี  มีอัธยาศัยและปกครองเมืองอย่างดี  เล่าถึงบริเวณกลางเมืองที่เคยถูกไฟไหม้แต่ยังไม่ได้ฟื้นฟู กำแพงเมืองศิลาแลงขนาดใหญ่ล้อมรอบเมืองทั้งสี่ด้าน และมีหอคอยทรงกลมอยู่ด้านข้างของกำแพงแต่สภาพทรุดโทรมมากแล้ว  คูเมืองด้านนอกก็เกือบจะตื้นเขินหมดแล้ว มีประตูอยู่ตรงกลางแต่ละด้านมีถนนที่เชื่อมจากประตูเมืองด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง  ถนนสองเส้นไปตัดกันที่กลางเมือง ภายในเมืองมีป่าย่อมๆและหนองบึงหลายแห่ง กำแพงเมืองตั้งอยู่บนเนินดินขนาดใหญ่ที่ป้องกันน้ำไหลเข้าเมืองในช่วงฤดูฝนที่บริเวณโดยรอบจะเป็นทะเลสาบ มีหมู่บ้านตั้งอยู่บนเนินรายรอบเมือง  มีทุ่งนาและสวนผลไม้หลายชนิดทั้งมะม่วง  กล้วย  มะพร้าว  ลูกตาล  มีขนมหวานที่ทำจากตาลโตนดรสชาดดี
 
                  ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง มีทั้งคนไทยและคนลาว  ตั้งบ้านเรือนกระจายกันอยู่ซึ่งสภาพบ้านไม่ค่อยดีนัก  มักจะอยู่ตามหนองบึงและชายป่า แต่คนจีนจะรวมตัวกันอยู่ในย่านที่มีความเจริญจำนวนหลายพันคน  เกือบทั้งหมดเป็นเจ้าของร้านค้าที่ตั้งเป็นระเบียบอยู่นอกประตูเมืองด้านตะวันตก ถนนสายนี้มีแผ่นไม้กระดานปูตามขวาง (น่าจะเป็นย่านถนนจอมผลออกไปโพธิกลางผ่านทางตลาดแม่กิมเฮงในปัจุบัน) 
 
                ตลาดด้านตะวันตก(ถนนโพธิกลาง)  สินค้าที่นำมาขายจะเป็นสินค้าชนิดต่างๆทั้งจากพื้นที่และนำเข้าจากแดนไกลเช่นรองเท้าแตะทำจากหนังสัตว์  นมกระป๋องจากสวิส  ไม้ขีดไฟ  เข็มและด้ายเย็บผ้า  เส้นลวดและตะปู  เครื่องมือจากยุโรป  เสื้อชั้นใน ตลอดจนสบู่และสินค้าทุกชนิดที่สั่งเข้ามาจากรุงเทพผ่านเส้นทางดงพญาเย็นโดยใช้เกวียนและวัวต่าง  ผ้านุ่งที่นิยมมากที่สุดเป็นผ้านุ่งของโคราชซึ่งส่วนมากเข้าใจกันว่าเป็นผ้าของชาวสยามเป็นผ้าพื้นมีเชิงตอนปลายสีที่ใช้กันมากคือสีน้ำเงิน  สีชมพูเรื่อๆ  และสีแดงอ่อน  ที่กลางเมืองที่ถนนสองเส้นหลักมาตัดกันมีตลาดกลาง  มีอาคารหลังใหญ่เปิดค้าขายตลอดทั้งวัน โดยมีเจ้าของเป็นคนจีนและภรรยาชาวไทยต่อรองราคากับผู้ซื้อทั้งวัน
 
                เมื่อออกเดินทางกลับกรุงเทพ  โดยใช้เส้นทางผ่านหมู่บ้านเล็กๆชื่อจันทึก Chanteuk (ปัจจุบันคืออำเภอสีคิ้ว)ที่เคยมีเหมืองทองแดงอยู่สองสามแห่ง  ผ่านบ้านขนงพระ Ban Kanong Pra (ปัจจุบันคือตำบลขนงพระ  อำเภอปากช่อง)  เข้าสู่แก่งคอย Keng Koi  ด้วยความยากลำบากและอันตรายจากสัตว์ป่า  ไข้ป่า  และสภาพป่าฝน  สัมภาระในการสำรวจเสียหายจากการข้ามป่าดงพญาเย็นไปหลายอย่าง  จนถึงปากเพรียว Pak prio (จังหวัดสระบุรี )จึงพบคันดินทางรถไฟที่กำลังก่อสร้างไปยังนครราชสีมา  ท่านได้บันทึกถึงความสำคัญและความมุ่งมั่นที่จะต้องสร้างทางรถไฟสายนี้ให้สำเร็จ
 
                จากบันทึกนี้ ถึงแม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมดเนื่องจากบันทึกจากมุมมองของชาวตะวันตกที่มีวัฒนธรรม  ความคิด แตกต่างจากคนท้องถิ่น แต่ก็ทำให้เรารู้ถึงสภาพบ้านเมืองในช่วงเวลานั้นๆได้เป็นอย่างดี
 
               เก็บความจาก บันทึกการเดินทางสู่แม่น้ำโขงตอนบน,ประเทศสยาม  พรพรรณ  ทองตัน  นักอักษรศาสตร์ 8ว. แปล โดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร แปลเป็นภาษาไทยในปีพ.ศ.2544
 
เรียบเรียงนำเสนอโดย นายกิตติพงษ์ สนเล็ก นักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี

(จำนวนผู้เข้าชม 506 ครั้ง)