อาณาจักรล้านนา ซึ่งเป็นราชอาณาจักรของชาวลัวะอยู่ร่วมกับกลุ่มคนไทยวนในอดีต ตั้งอยู่บริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน ตลอดจนจังหวัดปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนา เมืองเชียงรุ่ง ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน รวมถึงฝั่งทางตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน ประเทศพม่า มีเมืองเชียงตุงเป็นเมืองเอก และทางฝั่งตะวันตก มีเมืองนายเป็นเมืองเอก นอกจากนี้อาณาจักรล้านนาได้พัฒนาการเจริญเติบโตร่วมสมัยกับอาณาจักรล้านช้าง และอาณาจักรสุโขทัย ทำให้มีความผูกพันผสมผสานระหว่างวัฒนธรรม ประเพณี เศรษฐกิจ และสังคม
พญามังราย กษัตริย์แห่งล้านนา องค์ที่ ๑ แห่งราชวงศ์มังราย ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านนา และเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๑๘๓๙ พระองค์ทรงสถาปนาเมืองเชียงใหม่ขึ้น เป็นราชธานีในสมัยนั้นมีชนชาติลัวะอยู่ร่วมกับกลุ่มคนไทยวน ถือได้ว่าเป็นผู้มีบทบาทสังคมวัฒนธรรม ภาษา ตัวหนังสือ วัฒนธรรม และประเพณี เป็นของตนเอง รวมถึงเศรษฐกิจการค้าในสมัยนั้นได้ใช้หอยเบี้ย โลหะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ เงิน ทองแดง หรือสำริด เพื่อใช้เป็นเงินตราในการแลกเปลี่ยนสินค้า รวมถึงใช้ในการค้าขายเพื่อเป็นมาตรฐานระบบเงินตราที่ใช้มีหลากหลายชนิด เช่น เงินเจียง เงินธ็อก เงินใบไม้ และเงินดอกไม้ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีเงินตราจากอาณาจักรอื่นที่ร่วมสมัยนำมาใช้จ่ายปะปนกันในการค้าชายแดน เช่น เงินไซซีของจีน เงินฮ้อยและเงินลาดของอาณาจักรล้านช้าง และเงินรูปีอินเดียของอังกฤษ เป็นต้น
ระบบการค้าและเศรษฐกิจของล้านนาเริ่มรุ่งเรืองมากขึ้นในช่วงสมัยพญากือนา พระมหากษัตริย์แห่งล้านนา พระองค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์มังราย โดยอาณาจักรล้านนาได้ผลิตเงินตราที่สำคัญขึ้นชนิดหนึ่ง คือ เงินเจียง หรือเงินขาคีม เป็นเงินตราที่สำคัญและถือว่าที่มีมูลค่าสูงสุดในระบบเงินตราอาณาจักรล้านนา สื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง สันนิษฐานว่าดัดแปลงมาจากกำไลมือ ผลิตจากเนื้อโลหะเงินที่มีเปอร์เซ็นต์สูง โดยมีลักษณะเหมือนกับเกือกม้าสองวงปลายมาต่อกัน หรือคล้ายกับการผ่าซีกของผลฟักทอง แยกออกเป็นสองกลีบตรงปลายมาต่อกันให้หัวและท้ายติดอยู่ด้วยกัน สาเหตุที่ผ่าเพื่อต้องการให้เห็นเนื้อเงินข้างในว่าไม่ได้พอกตะกั่วหรือทองแดง และในส่วนของตรงกลางที่เป็นรอยบากเพื่อให้สามารถหักออกใช้เป็นเงินปลีกได้
เงินเจียง มาจากคำว่า เงินเวียง หมายถึง เงินตราที่เมืองใหญ่ผลิตขึ้น มีขนาดความกว้างประมาณ ๒.๕๐ เซนติเมตร ความหนาของกลีบแต่ละกลีบประมาณ ๐.๕๐ เซนติเมตร และมีการตอกตราสำคัญบนตัวเงิน และแสดงความบริสุทธิ์ของเนื้อเงิน ตรงบริเวณขาของเงินเจียงมีตราประทับสำคัญ ๓ แบบ ได้แก่ ตราตัวเลขบอกค่าน้ำหนักและจำนวนราคา ตราชื่อเมืองที่เป็นแหล่งผลิต เป็นตัวอักษรฝักขาม เช่น “หม” (เงินเจียงเชียงใหม่) “แสน” (เงินเจียงเชียงแสน) และ “นาน” (เงินเจียงน่าน) และตราจักร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าเมืองผู้มีอำนาจสั่งผลิตเงินเจียง
เบี้ยหรือหอยเบี้ย เป็นเงินตราที่มีมูลค่าต่ำที่สุดในระบบเงินตราที่มีการนำมาใช้หลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่สมัยอาณาจักรทวารวดี รวมไปถึงการนำเงินตราชนิดนี้มาใช้ในล้านนาอย่างแพร่หลาย ซึ่งหอยเบี้ยโดยส่วนใหญ่จะเป็นหอยที่มาจากทางทะเลเป็นส่วนใหญ่ เช่น เบี้ยจั่น และเบี้ยนาง เป็นต้น ซึ่งมีลักษณะเป็นเปลือกแข็ง ผิวมัน หลังโค้งนูน ท้องแบน ช่องปากยาวแคบ และไปสุดตอนปลายทั้ง ๒ ข้าง เป็นลำราง ตามขอบปากทั้ง ๒ ข้าง เป็นรอยหยักคล้ายฟัน และไม่มีฝาปิด เงินตราชนิดนี้สามารถนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า ซื้อสินค้าข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ หรือนำมาใช้เป็นเงินปลีกย่อยสำหรับซื้อขายสิ่งของ โดยใช้ควบคู่กับเงินตราชนิดต่างๆ เช่น เงินเจียง และเงินธ๊อก เป็นต้น อย่างไรก็ตามในสมัยก่อนหอยเบี้ยเป็นสิ่งของที่หายาก และมีความต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากพื้นที่ของอาณาจักรล้านนาอยู่ห่างไกลจากทะเลมาก
เงินธ๊อก ผลิตมาจากเนื้อโลหะผสมโลหะอื่น อย่างเช่น ตะกั่ว ดีบุก สังกะสี หรือทองเหลืองอยู่มาก โดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะขรุขระแบนกว้าง มักจะมีขอบงอโค้งขึ้นมาเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันไปตามแหล่งผลิตและยุคสมัยซึ่งผลิตใช้ขึ้นในพื้นที่เมืองนั้นๆ โดยมีรูปแบบ และส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไปตามแหล่งแร่โลหะในท้องถิ่น จึงมีชื่อเรียกตามพื้นที่ต่างกัน และมีเงินธ๊อกอยู่หลากหลายชนิด เช่น เงินธ๊อกเชียงใหม่ เงินธ๊อกเชียงแสน เงินธ๊อกน่าน เงินธ๊อกลำปางหรือเงินธ๊อกวงตีนม้า เงินธ๊อกหอยโข่ง เงินธ๊อกปากหมู และเงินธ๊อกใบไม้ เป็นต้น
เงินธ๊อกใบไม้ เป็นเงินตราชนิดนี้มีตั้งแต่ในสมัยหิรัญนครเงินยาง และนำมาใช้ในอาณาจักรล้านนาอย่างแพร่หลาย ซึ่งเงินชนิดนี้เป็นเงินที่มีมูลค่าต่ำเพราะทำมาจากจากโลหะสำริด มักจะผลิตมาจากเนื้อโลหะทองแดงผสมทองเหลือง มีรูปร่างลักษณะรูปทรงค่อนข้างกลม ด้านหน้าที่นูนขึ้นนั้น มีทั้งแบบเรียบไม่มีลวดลาย มีลวดลายเป็นเส้นเดียวผ่ากลาง และแบบที่มีกิ่งแยกออกไปคล้ายด้านหลังเป็นรูปใบไม้ ชาวล้านนาจึงเรียกกันว่า “เงินธ๊อกใบไม้” ส่วนด้านหลังเป็นรอยบุ๋มลึกลงมีลักษณะเหมือนเปลือกหอย บางชิ้นมักเจาะรูบริเวณริมขอบ เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน และนำมาเป็นเครื่องประดับเพื่อความสวยงาม
เงินธ๊อกเชียงใหม่ ทำจากโลหะผสมเงิน ซึ่งมีส่วนผสมปริมาณเนื้อเงิน น้ำหนัก และมีมูลค่าสูงมากกว่าเงินธ๊อกชนิดอื่นๆ มีรูปร่างลักษณะกลมคล้ายเปลือกหอยตลับ ด้านบนจะมีขอบงอโค้งขึ้นมาเล็กน้อยโดยรอบ ส่วนด้านล่างชนิดที่มีเนื้อเงินเป็นฐานนั้นมักแบนเรียบ และที่มุมด้านหนึ่งเป็นรูโพรงลึกเข้าไปแล้วดันอีกด้านนูนสูงขึ้นมา ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่เรียกกันว่า “เงินหอย” หรือ “เงินขวยปู” เพราะมีลักษณะเหมือนกับมูลดินขรุขระที่ปูขุดขึ้น มีตั้งแต่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑๔ - ๔๗ มิลลิเมตร ทั้งนี้เงินธ๊อกที่มีขนาดใหญ่มักจะมีตราประทับไว้ที่บริเวณริมขอบด้านบน
เงินธ๊อกเชียงแสน ทำด้วยโลหะทองแดงผสมเป็นส่วนใหญ่ มีลักษณะกลมค่อนข้างแบน ด้านล่างไม่โค้ง หรือเว้าเข้าไปเหมือนเงินธ๊อกชนิดอื่นๆ
เงินธ๊อกน่าน ทำด้วยโลหะ ทองแดงเคลือบเงิน ลักษณะกลมแบนคล้ายเงินธ๊อกใบไม้ คือ โค้งนูนด้านบนส่วนด้านล่างเว้าลึกเข้าไป และเคลือบวัตถุสีแดงเหลืองเอาไว้
เงินธ๊อกลำปาง ทำด้วยโลหะ มีเงินผสมอยู่ ลักษณะกลมค่อนข้างแบน มีรูโพรงอยู่ด้านใน ส่วนใหญ่ชาวบ้านเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เงินธ๊อกวงตีนม้า”
เงินกำไล เป็นเงินที่มีรูปร่าง และน้ำหนักเท่ากับเงินเจียงมาตรฐาน แต่มีขนาดใหญ่กว่า ทำด้วยเนื้อที่เงินบริสุทธิ์ และมีจำนวนไม่มากเท่ากับเงินเจียง ทั้งนี้เงินตราชนิดนี้ตอกประทับไว้ไม่มีระบบที่ชัดเจนและไม่เป็นที่แพร่หลาย ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเงินที่พ่อค้าเงินทำขึ้น โดยประทับตราเพื่อใช้ในธุรกิจ และชำระหนี้ของตนเอง
เงินไซซี เป็นเงินแท่งที่มีแหล่งกำเนิดมาจากทางตอนใต้ของประเทศจีน มีการใช้อย่างแพร่หลายตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ซึ่งพ่อค้าชาวจีนยูนนาน และรัฐฉานของพม่าเข้ามาติดต่อค้าขายในล้านนา เงินไซซีสามารถใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้าราคาสูงเนื่องจากมีความบริสุทธิ์ของเนื้อเงินสูงมาก เงินชนิดนี้ผลิตขึ้นจากการหล่อโลหะทองคำหรือ
เงินตามแบบแม่พิมพ์ ลักษณะเป็นเงินก้อนที่ขนาดและน้ำหนักเป็นมาตรฐาน มีหลากหลายรูปแบบ โดยมีตราประทับอักษรจีนเพื่อบอกชื่อเมืองที่ผลิต ผู้ออกเงิน และข้อความอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีชื่อที่ใช้เรียกตามลักษณะรูปแบบ เช่น เงินไซซีเรือสำเภา เงินไซซีอานม้า และเงินไซซีขนมครก เป็นต้น
อย่างไรก็ตามอาณาจักรล้านนามีเงินท้องถิ่นที่ใช้อยู่ ได้แก่ เงินเจียง เงินธ๊อก เงินดอกไม้ หรือเงินผักชี แต่ในสมัยนั้นเงินไซซีก็เป็นเงินตราที่ได้รับการยอมรับ สามารถใช้ในการค้าขาย และยังนำเงินไซซีมาหลอมทำเป็นเงินเจียง หรือเครื่องใช้เครื่องประดับได้อีกด้วย
เงินฮ้อย และเงินลาด เป็นเงินตราที่สำคัญของอาณาจักรล้านช้าง โดยสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช เสด็จจากอาณาจักรล้านช้างมาปกครองอาณาจักรล้านนา ในช่วงปีพ.ศ. ๒๐๘๙ - ๒๐๙๐ โดยเงินฮ้อย มีลักษณะเป็นแท่งโลหะตัน ทำด้วยโลหะเงินผสมทองแดงและทองเหลือง รูปร่างลักษณะเหมือนเรือชะล่าเหมือนกระสวยทอผ้าหัวท้ายเรียว ด้านบนของเงินฮ้อยมีรอยปุ่มขรุขระอันเกิดจากการหยดน้ำโลหะเหมือนกับท้องของตัวบุ้ง ส่วนด้านล่างเรียบ เว้นช่องตรงกลางตอกประทับตราสัญลักษณ์ และตราอักษรลงบนเงิน
ส่วนเงินลาด มีรูปร่างมีลักษณะคล้ายเงินฮ้อย แต่เรียวเล็กกว่าไม่มีตุ่มที่ตัวเงิน ทำด้วยโลหะทองลงหิน เป็นโลหะผสมทองแดงผสมทองเหลืองกับดีบุก หรือที่เรียกว่าทองสำริด มีการตอกประทับตราสัญลักษณ์ และตราอักษรลงตรงกลาง สันนิษฐานว่าเงินลาดใช้เป็นเงินปลีกสำหรับใช้สอยเบ็ดเตล็ด เนื่องจากมีราคาต่ำเพราะทำด้วยโลหะผสมเป็นส่วนใหญ่
เงินดอกไม้ หรือเงินผักชี เป็นเงินที่ผลิตขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ผลิตมาจากเนื้อโลหะเงินที่สูงกว่าโลหะชนิดอื่นเล็กน้อย มีลักษณะรูปร่างกลมแบน ด้านหนึ่งเป็นรูปก้นหอย ส่วนอีกด้านขรุขระเป็นรูทั่วไป และมีรอยเว้าคล้ายรอยนิ้วกดหลายจุด ส่วนเหตุที่เรียกว่า “เงินผักชี” เพราะมีลวดลายที่อยู่บนพื้นผิวคล้ายกับใบผักชีหรือดอกไม้ ซึ่งลวดลายเกิดจากการใช้หลอดไม้ยาวเป่าลมลงในเบ้าหลอมที่มีแผ่นเงินหลอมละลายอยู่บริเวณรอบของเบ้าหลอม จึงเกิดเป็นลวดลายดังกล่าว บางเหรียญพบว่ามีการเจาะรู มักนิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับห้อยคอ สันนิษฐานว่าเงินชนิดนี้ชาวล้านนาได้ผลิตขึ้นใช้เองในยุคที่ล้านนาที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า โดยนำเทคนิควิธีการผลิตมาจากไทยใหญ่ และชาวมอญในประเทศพม่า
เงินธ๊อกหอยโข่ง เป็นเงินตราในอาณาจักรล้านนา ภายใต้การปกครองของพม่า โดยมีลักษณะคล้ายเงินธ๊อกเชียงใหม่ แต่มีขนาดใหญ่กว่า มีน้ำหนักมากกว่า และมีมูลค่าสูงกว่า เพราะผลิตจากโลหะเงินที่มีความบริสุทธิ์ในอัตราที่สูงกว่า เมื่อหงายขึ้นด้านบนมีลักษณะคล้ายเปลือกหอยโข่งโป่งนูน ส่วนด้านในเป็นโพรงลึกและเป็นโละที่มีค่าต่ำกว่าด้านนอก สำหรับด้านล่างมีขอบปากที่หนาและไม่มีพื้นผิว ทำให้เงินตราชนิดนี้ตั้งได้ด้วยขอบที่มีความหนาได้ จึงมีลักษณะเหมือนกับหอยโข่งนั่นเอง
เงินธ๊อกปากหมู มีลักษณะและวิธีการผลิตเช่นเดียวกับเงินธ๊อกหอยโข่ง แต่มีความสูงน้อยกว่า ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการพกพาขนย้าย และไม่เสียหายได้ง่าย เงินชนิดนี้ผลิตด้วยโลหะเงินผสมอยู่ค่อนข้างมาก จึงมีน้ำหนักและมีมูลค่าสูงกว่าเงินธ๊อกหอยโข่งในขนาดที่เท่ากัน สำหรับบริเวณด้านบนมีความโค้งนูนมีลักษณะกลมคล้ายกับลูกสะบ้า ส่วนด้านล่างมีความโค้งน้อยกว่า และมีความหนา มีเนื้อเงินปิดรูโพรงไว้ และมีรูกลวงเล็กๆ ลึกเข้าไป ซึ่งมีลักษณะคล้ายช่องบริเวณของปากหมู ทั้งนี้เงินธ๊อกปากหมูเป็นเงินที่ใช้ในอาณาจักรล้านนาในช่วงที่อยู่ภายใต้การปกครองของพม่าเช่นกัน
เงินแถบหรือเงินรูปี เป็นเงินตราในสมัยพม่าภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ และจากการที่ประเทศพม่าเข้าปกครองอาณาจักรล้านนา แต่ในภายหลังเมื่อประเทศพม่าพ่ายแพ้ต่อสงครามกับประเทศอังกฤษ จึงทำให้ประเทศอังกฤษได้เข้ามาปกครองแทนในหลายประเทศ ประกอบกับได้มีการนำเหรียญเงินรูปีอินเดียเข้ามาใช้ด้วย เนื่องจากปริมาณของเงินรูปีของอินเดียมีจำนวนมากเพียงพอ และมีขนาด น้ำหนัก รูปร่างมาตรฐาน เป็นเนื้อเงิน ทำให้สามารถซื้อสินค้าได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ชาวล้านนายังนิยมมาทำเครื่องเงิน รวมถึงนำมาทำเครื่องประดับลักษณะเป็นแถบๆ จึงเป็นที่มาของชื่อที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “เงินแถบ”
เงินตราชนิดนี้ มีลักษณะเป็นเหรียญรูปสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย สวมมงกุฎ และสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ที่ ๗ แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นเงินตราอีกชนิดหนึ่งที่ใช้แพร่หลายที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างอาณาจักรล้านนา ประเทศพม่า และประเทศอังกฤษ
พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ตำบล ศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เดิมเป็นอาคารราชพัสดุ และเคยเป็นคุ้มของเจ้าทิพวรรณ ณ เชียงตุง จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้ปรับเปลี่ยนให้เป็น “ศาลาธนารักษ์ ๑ จังหวัดเชียงใหม่” ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้รับการออกแบบตกแต่งภายในแบบร่วมสมัย ผสมผสานกับเอกลักษณ์ความเป็นล้านนา ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของการใช้เงินตราล้านนา เงินตราโบราณ เงินตราประเภทต่างๆ ตลอดจนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องที่เคยใช้ในดินแดนล้านนาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
เรียบเรียงโดย : นายธีรบูลย์ มิตรมโนชัย นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
แหล่งอ้างอิง :
ธนาคารแห่งประเทศไทย. เงินตราล้านนาและผ้าไท. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง, ๒๕๔๐.
นวรัตน์ เลขะกุล. "เงินตรา." สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. ๒๙. (๒๕๔๗): ๑๗๕-๒๐๗.
นวรัตน์ เลขะกุล. เงินตราล้านนา. เชียงใหม่: นพบุรีการพิมพ์, ๒๕๕๕.
บุปผา คุณยศยิ่ง และศรีเลา เกษพรหม. "เงินตรา." สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ. ๓. (๒๕๔๒): ๑๓๙๑-๑๓๙๖.
พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดเชียงใหม่. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๘, จาก: https://emuseum-chiangmai.treasury.go.th/%20about-us
(จำนวนผู้เข้าชม 248 ครั้ง)