...

กัลปพฤกษ์ ไม้มงคลสารพัดนึกแห่งสวรรค์
"กัลปพฤกษ์ ไม้มงคลสารพัดนึกแห่งสวรรค์"
วัดหนองบัว ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
--- กัลปพฤกษ์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cassia bakeriana ชื่อสามัญ: Pink Shower, Wishing tree) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูงประมาณ 10–15 เมตร เปลือกนอกสีเทาลำต้นมีรอยเป็นเส้นเล็กน้อยแตกกิ่งก้านพุ่งสู่ด้านบนไม่ค่อยเป็นระเบียบ ใบเป็นแผงมีใบย่อยประมาณ 5–6 คู่ออกเรียงตรงกันตามก้านใบเป็นคู่ๆใบบางเรียบปลายใบแหลม ขนาดของใบกว้างประมาณ 2–4 เซนติเมตร ใบยาวประมาณ 4–7 เซนติเมตร  
--- ลักษณะดอกออกเป็นช่อตามกิ่งก้านมีกลิ่นหอมมีสีชมพูแกมขาวดอกบาน มีความกว้างประมาณ 23 เซนติเมตร มีกลีบดอก 5 กลีบ ตรงกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้สีเหลืองผลเป็นฝักกลม ยาว มีสีดำ เมื่อแก่เนื้อในฝักมีสีขาวกั้นเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นจะมีเมล็ดเรียงอยู่ภายใน ฝักหนึ่งยาวประมาณ 15–30 เซนติเมตร จะออกดอกในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงปลายเดือนมีนาคม
--- ประโยชน์และสรรพคุณ คือ เนื้อในฝักเป็นยาระบายอ่อน ๆ เปลือกฝักและเมล็ดทำให้อาเจียน ลดไข้ และนอกจากนั้นยังปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อความสวยงามอีกด้วย
--- ต้นกัลปพฤกษ์ พบมากในประเทศพม่าและทางภาคเหนือของประเทศไทย มีชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น ชัยพฤกษ์ (ภาคเหนือ), กานล์ (เขมร-สุรินทร์), เปลือกขม (ปราจีนบุรี), กาลพฤกษ์ เป็นต้น
--- ความเชื่อตามคติโบราณเชื่อกันว่า ต้นกัลปพฤกษ์ มีอยู่ในแดนสวรรค์ หากผู้ใดปรารถนาสิ่งใด จึงไปอธิษฐานจากต้นไม้นี้ได้ ในสมัยโบราณจึงมีการทำรูปแบบจำลองตันกัลปพฤกษ์ขึ้น โดยเกี่ยวเนื่องกับพิธีสำคัญในบางโอกาส และนอกจากนั้นยังพบในงานจิตรกรรมไทยประเพณี ในรูปลักษณ์ของต้นไม้ที่มีข้าวของเครื่องใช้เงินทองห้อยจากกิ่งหรือพาดกับต้นไม้ โดยบางแห่งจะมีการเขียนอักษรกำกับไว้  ตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ดังเช่นข้อความในไตรภูมิพระร่วงที่กล่าวว่า "แลในแผ่นดินอุตรกุรุทวีปนั้น มีต้นกัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง โดยสูงได้ 100 โยชน์ โดยกว้างได้ 100 โยชน์ โดยรอบปริมณฑลได้ 300 โยชน์ แลต้นกัลปพฤกษ์นั้นผู้ใดจะปรารถนาหาทุนทรัพย์สรรพเหตุอันใดๆ ก็ดี ย่อมได้สำเรทธิในต้นไม้นั้นทุกประการ แล..."
--- วัดหนองบัว เป็นวัดเก่าแก่ที่มีรูปแบบศิลปะไทลื้อ ลักษณะวิหารเป็นอาคารที่ทรงคุณค่าในด้านสถาปัตยกรรมพื้นบ้านที่สวยงามและหาชมได้ยาก วัดนี้สร้างขึ้นในราวพุทธศักราช 2405 สมัยรัชกาลที่ 4 โดยท่านครูสุนันต๊ะ ครูบาหลวง สิ่งที่น่าสนใจในวัดหนองบัวคือภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ได้สะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการแต่งกายของผู้หญิงที่นุ่งผ้าซิ่นลายน้ำไหล หรือผ้าซิ่นตีนจกที่สวยงาม นับว่ามีคุณค่าทางศิลปะและความสมบูรณ์ของภาพใกล้เคียงกับภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดภูมินทร์ในเมืองน่าน ภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารเล่าเรื่องหนึ่งในปัญญาสชาดก ซึ่งเป็นพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า สันนิษฐานว่าเขียนโดยทิดบัวผัน ช่างเขียนลาวพวน และยังมีภาพของเรือกลไฟและดาบปลายปืน ซึ่งเริ่มเข้ามาในประเทศไทย ในสมัยรัชกาลที่ 4 - รัชกาลที่ 5  นอกจากนี้ด้านหลังวัดหนองบัวยังเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการวัฒนธรรมสายใยชุมชน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตและขายผ้าซิ่นทอมือพื้นเมืองของชาวน่าน รวมถึงแสดงข้าวของเครื่องใช้ของชาวบ้านในชุมชนอีกด้วย
--- หากนักท่องเที่ยวท่านใดมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมวัดหนองบัวในช่วงนี้ นอกจากจะได้เยี่ยมชมวิหารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของไทลื้อ และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สำคัญและงดงามแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน ท่านยังจะได้ชมดอกกัลปพฤกษ์ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งอวดโฉมสีชมพูขาวสดใสที่ทางวัดปลูกประดับไว้ภายในวัดหนองบัวอีกด้วย
#วัดหนองบัว #ท่าวังผา #น่าน













(จำนวนผู้เข้าชม 89 ครั้ง)


Messenger