...

ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 31,580 รายการ


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย ได้ทำการปรับปรุงการจัดแสดงห้องศิลาจารึก ที่ได้เก็บรวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์มาเป็นเวลานาน และมีจำนวนมากที่สุดในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในภาคเหนือ โดยแบ่งเป็นจารึกอักษรมอญโบราณ และอักษรฝักขาม พบบริเวณอำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน และบริเวณโดยรอบ อักษรฝักขาม หมายถึง ตัวอักษรที่ใช้บันทึกเรื่องราว ลงบนศิลาจารึกในอาณาจักรล้านนา ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๔ มีลักษณะที่ใกล้เคียงอักษรโบราณในสมัยสุโขทัย ลักษณะตัวอักษรจะโค้งและผอมสูงมากกว่าจึงเรียกว่าตัวอักษรฝักขาม ซึ่งได้แบบอย่างไปจากอักษรสมัยสุโขทัยสมัยพระเจ้าลิไท เมื่อครั้งพระยากือนาโปรดให้พระราชทูตไปอาราธนาพระสุมนเถระขึ้นไปฟื้นฟูพระศาสนาที่เชียงใหม่ ดังปรากฏหลักฐานในจารึกวัดพระยืน จังหวัดลำพูน ที่ถือว่าเป็นจารึกอักษรไทย ภาษาไทยเก่าแก่ที่สุดที่พบในล้านนา ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนจนกลายเป็นอักษรฝักขามจนได้รับความนิยมก่อนที่จะมีการนิยมใช้อักษรธรรมล้านนาแทนที่ในสมัยต่อมา เนื้อหาของจารึกส่วนใหญ่ที่ปรากฏในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชยนี้ ล้วนเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา การกัลปนาข้าคน ไร่นา จนถึงประวัติการสร้างวัด จารึกตัวอักษรฝักขามที่เก่าแก่ที่สุดคือจารึก กษัตริย์ราชวงศ์มังราย ลพ. ๙ ระบุ พ.ศ. ๑๙๕๔ พบที่จังหวัดพะเยา (ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน) ปัจจุบันจารึกอักษรฝักขามในพิพิภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย มีจำนวนทั้งสิ้น หลัก วัสดุทำจากหินทราย รูปทรงส่วนมากมีทั้วที่แกะเป็นแผ่นทรงใบเสมา และเป็นแท่งคล้ายศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พบในบริเวณวัดพระธาตุหริภุญชัย และในเขตจังหวัดลำพูน ส่วนมากกำหนดอายุอยู่ในช่วงรัชกาลพระเมืองแก้ว กษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย สำหรับโพสต์นี้ ขอนำเสนอจารึกอักษรฝักขามบางส่วน สำหรับจารึกหลักอื่นๆ ทางพิพิธภัณพสถานแห่งชาติ หริภุญไชย จะได้นำมาเผยแพร่ในโอกาสต่อไป













การทอเสื่อญวนในเมืองจันทบุรี การทอเสื่อเป็นอาชีพดั้งเดิมอีกหนึ่งในหลายอาชีพของชาวญวนที่หอบหิ้วมาพร้อมความเชื่อตั้งแต่สมัยปลายอยุธยา รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงพระนิพนธ์เรื่องเสื่อของเมืองจันทบูรไว้ว่ามี ๔ ชนิด คือเสื่อคล้า เสื่อกก (ที่ชาวกรุงเทพฯเรียกว่าเสื่อกระจูด) เสื่อดอกอ้อ และเสื่อกกแดงที่ทำโดยคนญวน ...เสื่อกกแดงนั้น มีแต่พวกญวนทำแห่งเดียว วิธีทำนั้นเอาต้นกกมาจักให้เล็ก ผึ่งแดดให้แห้ง แล้วจึงย้อมสีต่าง ๆ ตามที่จะให้เป็นลาย สีแดงนั้นย้อมด้วยน้ำฝาง สีดำย้อมด้วยหมึก สีเหลืองย้อมด้วยแกแล บางทีย้อมด้วยขมิ้น สีน้ำเงินย้อมด้วยครามแต่ใช้น้อยแล้วเอาเข้าสดึงทอเปนลายต่าง ๆ เปนเสื่อผืน เสื่อลวด บ้างยาวแต่จะต้องการ กว้างเฉภาะชั่วต้นกก เปนสินค้าออกนอกเมือง เสื่อลวดประมาณ ๓๐๐๐ ลวด ราคาลวดละ ๖ สลึง เสื่อผืนนั้นออกน้อย เปนแต่ของกำนันแลของแจกราคาผืนหนึ่งตั้งแต่สลึงจนถึงบาท ตามแต่งามไม่งาม... เสื่อที่ทอด้วยกกแดงจะแตกต่างจากเสื่อของชาวชอง คนพื้นเมืองที่ทำจากต้นคลุ้มและคล้า ที่หาได้จากบนเขาสระบาป ส่วนกกจะอาศัยอยู่ในน้ำกร่อย เราเรียกเสื่อกกแดงว่า เสื่อแม่ชี เสื่ออาราม หรือเสื่อญวนอพยพ จากเอกสารจดหมายเหตุได้ระบุว่าใน พ.ศ. ๒๔๖๒ รัฐบาลสยาม ได้ไปร่วมจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ที่เมืองแซนฟรานซิสโก ประเทศอเมริกา ให้จัดส่งสินค้าพื้นเมืองแต่ละเมืองไปร่วมด้วย ในบรรดาสินค้าที่ส่งไปร่วมประกวดหลากหลายชนิดนั้น พระยาตรังคภูมาภิบาล สมุหเทศาภิบาลมณฑลจันทบุรี ต้องการมีเสื่อกกไปร่วมจัดแสดงและประกวดด้วย จึงสั่งการไปยังซิสเตอร์ที่อารามจัดทำเสื่อกก เสื่อกกที่ส่งไปมี เสื่อกกยกดอกตราอาร์ม เสื่อกกยกดอกหน้าสัตว์ เสื่อกกยกดอกตราครุฑ และเสื่อกกธรรมดา และเสื่อกกที่ส่งไปได้รับเหรียญเกียรติยศพร้อมประกาศนียบัตร ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๗๕ รัฐบาลไทยโดยกระทรวงมหาดไทย ต้องการร่วมแสดงพิพิธภัณฑ์นานาชาติ ที่เมืองเรไยนาประเทศแคนาดาอีก จึงให้มณฑลจันทบุรี จัดส่ง “เสื่อ” โดยระบุให้ว่าจ้างช่างที่มีฝีมือดีในสำนักชีของวัดโรมันคาธอลิกจันทบุรี เป็นคนทำ พร้อมระบุขนาดและสีตามบัญชีว่าต้องเป็นลายตาหมากรุก หลวงสาครเชตต์ อดีตนายอำเภอมะขาม ได้เขียนถึงการทำเสื่อของคนญวนในจดหมายเหตุความทรงจำสมัยฝรั่งเศสยึดจันทบุรีว่า ...การทำเสื่อญวนนั้น ตามธรรมดานับว่าคนเชื้อญวนนับว่าเป็นผู้มีความชำนิ ชำนาญ ในการพลิกแพลงจัดทำยิ่งกว่าบุคคลชาติไทยด้วยกัน ยิ่งพวกนางชีแห่งสำนักโรมันคาทอลิกด้วย ก็เกือบจะต้องนับว่ามีความรู้ความชำนาญมากที่สุด ฉะนั้น เสื่อจันทบุรี ที่มีลวดลายลักษณะดอกดวงงดงามหรือจะเป็นภาพสัตว์ต่าง ๆ จนแม้ที่สุดจะประดิษฐ์เป็นตราอาร์มของรัฐบาล ดังเช่น รูปช้าง รูปครุฑ เหล่านี้เขาจะทำได้เป็นอย่างดี...ซึ่งสอดคล้องกับเอกสารจดหมายเหตุที่ได้กล่าวมาแล้ว ต่อมาเสื่อญวนอพยพได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ พัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรม ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการทอเสื่อของซิสเตอร์ที่อารามฟาติมา และต่อมาได้โปรดเกล้าฯให้ตั้งโรงงานทอเสื่อขึ้นที่สวนบ้านแก้ว เรียกกันว่า “เสื่อสมเด็จ” เสื่อสมเด็จได้พัฒนารูปแบบจนเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ...เนื่องจากพระอนุชาของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ได้นำเทคนิคการย้อมโดยใช้สีทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น อีกทั้งได้ออกแบบให้เป็นเครื่องใช้ที่สวยงามน่าใช้มากขึ้น...(สัมภาษณ์ นายเชื้อชาย ทิพยสมบัติ,๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) ปัจจุบันการทอเสื่อกกแบบของญวนได้รับการส่งเสริมจนกลายเป็นสินค้าหัตถกรรมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอีกทั้งได้มีการพัฒนาต้นกกในน้ำกร่อยให้มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการในจังหวัดจันทบุรี ผู้เขียน สุมลฑริกาญจณ์ มายะรังษี นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี เอกสารอ้างอิง หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี.(๑๓)มท ๒.๒.๔/๑๖ เอกสารกระทรวงมหาดไทยชุดมณฑลจันทบุรี.เรื่องกระทรวงมหาดไทยสั่งให้จัดทำยานพาหนะต่าง ๆ ส่งเข้าไปกรุงเทพฯ(๑๑ พ.ค.๒๔๕๗-๒ มิ.ย.๒๔๖๒)